เกริ่นก่อนว่าตัวผมเรียนจบเกี่ยวกับเทคโนโลยีการประกอบอาหารมา แต่ด้วยความสนใจในสายงาน Marketing เลยเริ่มคิดที่จะเรียนรู้ด้าน Marketing เพราะเราน่าจะประยุกต์เอาสิ่งที่ผ่านๆมาผมได้เรียนด้วยตัวเองบ้าง เข้าคอร์สเรียนบ้าง น่าจะเอามา Merge รวมกันได้ ด้วยแนวคิด Generalist ที่ผมซึมซับมาจากที่ผมได้เรียนกับ พี่ทอย Datarockie ผมคงจะเอา Analyze Skill ที่เรียนใน Bootcamp หรือความรู้ด้านอาหารที่ได้จากตอนเรียนช่วงมหาลัย, Graphic Skill ที่ครูพักลักจำจากการที่ชอบทำ Artwork มาประยุกต์รวมกัน Blend รวมกันกับ Marketing Skills ที่ผมกำลังจะเรียน คงทำให้ตัวผมเองเป็น Marketing ที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ ทีนี้ การที่ผมจะเริ่มต้นจาก 0 มันต้องทำยังไงหล่ะ ? ถ้าไม่รู้มันก็ต้องเริ่มจากพื้นฐานเลย แล้วพื้นฐานของ Marketing มันมีอะไรบ้างถ้าจะเริ่มเรียนด้วยตัวเองต้องเริ่มยังไง ?
Marketing Roles and Responsibilities
ใช่ครับ ผมใช้ Gemini ในการหาข้อมูลเบื้องต้นเพราะการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์คือการเรียนรู้จากมัน ใช้มันหาความรู้ ผมจึงได้ความว่าอย่างแรกที่ผมควรจะรู้หากผมอยากจะทำงานในสายงาน Marketing อย่างแรกคือ Marketing ทำอะไรบ้าง แบ่งแยกย่อยได้หลายๆอย่าง ดังนี้
- Market Research : Marketing ต้องเก็บรวมรวมข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ เช่น ข้อมูลความต้องการของลูกค้า เทรนด์ของตลาด ศึกษาคู่แข่งว่าเขามี Action อะไรเพื่อที่จะได้มาทำ Marketing Strategies
- Brand Management : ดูแลและพัฒนา Brand Identity และให้มันใจว่า Content ที่ลงใน Platform ต่างๆอยู่ในทิศทางเดียวกับที่ Brand ควรจะเป็น และควรจะเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า
- Advertising and Promotion : Marketing ที่ดีจะมี Plan ว่าจะ Promote ที่ไหนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี เมื่อไหร่ที่เราควรจะ Promote เพื่อให้ได้ Engagement ที่ดีและมี Impact Marketing ควรรู้ Tool ต่างๆเช่น digital advertising, social media campaigns, TV commercials อะไรที่จะทำให้ได้
- Content Creation : การสร้าง Contents ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายด้วยสื่อ ไม่ว่าจะเป็น Blogs, Video, Social media posts หรือ Infographic
- Public Relations : Marketing ต้องดูแลเรื่องการติดต่อสื่อสาร เพื่อควบคุมภาพลักษณ์ของบริษัทหรือความสัมพันธ์ของลูกค้าและบริษัท
- Sales Support : Support Sales Team เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้า หรือกระตุ้นยอดขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Promotion ต่างๆหรือ ข้อมูลเชิงลึกต่างๆที่ได้จาก Campaigns หรือจาก Feedback ของลูกค้า
- Strategy Development : พัฒนาแผนการตลาดเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้มากขึ้น
- Customer Engagement : สร้างสรรค์สื่อหรือ Content ให้ได้มีปฎิสัมพันธ์กับลูกค้า สร้าง Connection ระหว่าง Brand กับ Customer และเก็บ Feedback อย่างต่อเนื่อง
- และอื่นๆที่ต้องรู้เช่น Campaign Management, Digital Marketing Specialization
Marketing Foundation
หลังจากที่ผมรู้แล้วว่าถ้าเป็น Marketing Scope งานจะทำอะไรบ้างคลอบคลุมงานในส่วนไหนบ้าง Step ต่อไปคือพื้นฐานที่ผมควรจะรู้ ผมเลยถาม Gemini ว่า ถ้าจะเริ่มจาก 0 ผมควรเริ่มด้วยอะไร ?

ได้ความว่า ผมควรเริ่มจาก Marketing Foundation เริ่มจาก Marketing หมายถึงอะไรกันเลยทีเดียว และ Markteting ไม่ใช่แค่การขายหรือการโฆษณา แต่มันยังมีการเข้าใจลูกค้า การสร้างคุณค่า การพัฒนาความสัมพันธ์ของลูกค้า และการสื่อสาร
Step ต่อไปคือเข้าใจหลักการของ Marketing Concept ต่างๆ เช่น หลัก 4Ps, กลุ่มเป้าหมายที่เราจะสื่อสาร, Value อะไรที่จะเป็นประโยชน์กับลูกค้า, ความเข้าใจใน Branding, ความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมนั้นๆ คู่แข่งของเราเป็นยังไง, Customer Relationship Management (CRM), Market Research
จากนั้นค่อยเจาะลึกลงไปในทางที่เราคิดว่าจะลง Details เพราะ Marketing กว้างมาก ส่วนตัวผมคิดว่าจะ Digital Marketing น่าจะตอบโจทย์เรามากที่สุด
What is Marketing?

คำนิยามของคำว่าการตลาด (Marketing) คือ การส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการเข้าถึงลูกค้า ในความคิดเราการตลาดภาพในหัวคือ การ Promote สินค้า, การโฆษณา, แจกใบปลิว มันก็ถูกแต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของ Marketing เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ Marketing ที่มีประสิทธิภาพคือเราต้องรู้ว่า Product ของเราใครคือกลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มเป้าหมายของเราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอะไร หลังจากนั้นคือ การคิดและพัฒนาแผน ไอเดีย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด Marketing ได้นำกฎ Diminishing Return มาใช้ ซึ่งเป็นทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์
Laws of Diminishing Return คือ เมื่อถึงจุดๆนึงที่กำลังผลิตของเราถึงจุดที่เหมาะสมที่สุดแล้ว แต่เมื่อเราเพิ่มปัจจัยอื่นเข้ามา กลับได้ผลลัพธ์ที่น้อยลงหรือไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ไม่คุ้มค่าหรือความคุ้มค่าน้อยลงที่จะลงทุน
ทำให้เรารู้ว่าเราควรที่จะหยุดการ Promote Product นั้นๆ เพราะไม่ว่าเราจะ Promote มันมากขนาดไหนแต่ก็ให้ Return of Investment (ROI) ที่ดีพอให้เราทำการ Promote ต่อ
ROI หรือ Return of Investment นิยมใช้เป็นหน่วยวัดทางด้านการเงิน ที่วัดว่าบริษัททำกำไร หรือ มีประสิทธิภาพเพียงพอให้ลงทุนหรือไม่
วิธีที่เราจะหยุด Diminishing Return คือการที่เราหา หรือพัฒนาวิธีการใหม่ๆ พัฒนาระบบต่างๆ ทดลองไอเดียที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น Marketing เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ความคิดสร้างสรรค์ การทดลองแนวคิดใหม่ๆ พยายามเข้าใจลูกค้าที่มีการบริโภคที่เปลี่ยนไป เข้าใจเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
Difference between needs, wants and demand
จุดสำคัญเริ่มมาจากระหว่าง Target และ Brand เกิดขึ้นเมื่อ Brand เริ่มคิดว่าลูกค้าต้องการอะไร แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าต้องการอะไร และมักจะสับสนระหว่าง Needs (ความจำเป็น) และ Wants (ความต้องการ)

Needs ในมุมของ Abraham Maslow นักจิตรวิทยาชาวอเมริกัน เขาได้ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ และได้เผยแพร่ทฤษฎี Hierarchy of Needs ลำดับขั้นของความต้องการของมนุษย์ based on อะไรที่ตอบสนองความต้องการในด้านความพึงพอใจให้กับมนุษย์ โดยลำดับไล่จากล่างสุดไปบนสุด คือ

- Physiological หรือความต้องการทางด้านกายภาพ เช่น ปัจจัย 4 อาหาร, ที่อยู่อาศัย, เสื้อผ้า, ยา, อากาศ ถ้าคุณขาดสิ่งใดไป อาจจะทำให้ร่างกายเราไม่เป็นปกติทั่วไป เราอาจจะเสียสุขภาพ มีผลกระทบกับร่างกาย
- Safety หลังจากที่ร่างกายได้รับการดูแลแล้ว สิ่งสำคัญถัดมาคือ สิ่งที่จะมาป้องกันร่างกายให้ปลอดภัย ทำให้เรารู้สึกสบายใจ เช่น ความปลอดภัยทางด้านอารมณ์ความรู้สึก ความปลอดภัยทางด้านการเงิน ความมั่นคงทางสังคม ความรู้สึกอิสระปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดี หากเราไม่ได้รับความต้องการด้านนี้ที่เพียงพอจะก่อเกิดเป็นความวิตกกังวล กลัว มักเกิดขึ้นในช่วงวัยเด็ก
- Love and belonging อย่างที่สามของฐานแห่งความต้องการ คือ การเป็นเจ้าของและการได้รับการยอมรับ เป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ที่มนุษย์จะตอบสนอง เช่น ความสัมพันธ์ด้านความรัก การมีเพื่อนหรือครอบครัว รวมถึงการได้รับการยอมรับจากสังคม การได้รับความรักจากคนรอบข้าง ถ้าคุณขาดความต้องการด้านนี้ไป คุณอาจจะมีความรู้สึกโดเดี่ยวและวิตกกังวล
- Esteem อย่างที่สี่ขยับขึ้นมาหน่อย ความภูมิใจในสิ่งต่างๆ ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดเรื่องดีๆในชีวิตของเรา แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ความภูมิใจในตัวเองหรือ Self Esteem เกิดจากการที่เรารู้สึกมั่นใจ รู้สึกดีกับตัวเอง เคารพและรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าเมื่อคนอื่นตระหนักถึงตัวคุณ ถ้าเราไม่ได้รับความต้องการในส่วนนี้ เราอาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ เสียความมั่นใจ ไร้ความสามารถ
- Self-actualization เป็นยอดปิรามิดของ Maslow คือ ความต้องการอะไรก็ตามที่จะตอบสนองให้เรารู้สึกเติมเต็ม เพิ่มพูนศักยภาพของเรา ทำให้เรารู้สึกพัฒนา การทำอะไรซักอย่างแล้วเรารู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จ อะไรที่ทำให้เราได้ปลดปล่อยความสามารถที่เรามีอยู่ แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล การที่คนเราจะมาถึงจุดๆนี้คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยตระหนักถึงความต้องการในส่วนนี้เพราะส่วนมากจะ Focus ไปที่ฐานของปิรามิดซะมากกว่า

มันอาจจะจะง่ายเกินไปที่จะตัดสินความต้องการเป็นหมวดๆเป็นเส้นตรงผ่านความต้องการต่างๆ เพราะความต้องการของมนุษย์นั้น บางทีก็ยืดหยุ่นและมีการทับซ้อนกัน หลายๆคนก็ลำดับความสำคัญของความต้องการตามแต่ละบุคคล แต่ละบริบทที่เป็นเฉพาะของแต่บุคคล และการวิจัยของ Maslow อาจจะไม่ได้ถูกต้องเสมอ เพราะยังมีงานวิจัยบางอย่างบ่งชี้ว่า มนุษย์สามารถข้ามความต้องการบางอย่างที่เป็นพื้นฐานไป และได้รับความต้องการในระดับที่สูงกว่าได้
ในทางการตลาด ความต้องการหมายถึงความปรารถนาของลูกค้าที่จะมีต่อผลิตภัณฑ์ เช่น ความต้องการทางด้านร่างกายตัวอย่างเช่น ความสะดวกสบาย สุขภาพ ความต้องการของลูกค้าในด้านของการตลาด ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ข้อมูลของประชากรในเวลาๆนั้นๆ สถานการณ์ในขณะนั้น เพราะฉะนั้นนักการตลาดต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ เทคโนโลยี ต้องเข้าใจบริบทของลูกค้าเป็นสำคัญเพราะจะทำให้การตลาดมีประสิทธิภาพที่ดี
Wants or Demands ไม่ใช่แค่การที่เราต้องการอะไรซักอย่าง แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีใครเต็มใจจ่ายเงินให้สิ่งนั้นๆรึเปล่า อุปสงค์ผสมกับกำลังในการซื้อ ตัวอย่างเช่น คนๆหนึ่งจำเป็นที่จะต้องมีรถสำหรับการเดินทางทั่วไป และต้องการจะใช้รถของ Tesla ทำให้ต้องมีกำลังในการซื้อด้วย การเข้าใจ Concept จะทำให้เราสามารถประยุกต์กับ Marketing และการแผนการทำโฆษณา ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้บริษัทสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ถูกกลุ่ม และเข้ากับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังในการซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา

ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ขาย Smartphone ไม่ได้ขายแค่อุปกรณ์ที่ไว้ใช้ติดต่อสื่อสาร แต่พวกเขาขายเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ดีไซน์ที่น่าใช้งาน ฟังก์ชั่นที่หลากหลาย สัญญะต่างๆที่บ่งบอกถึงสถานะ และบริษัทมีการผลิตออกมาหลายรุ่นที่แตกต่างกัน ราคาที่แตกต่างกัน เพราะว่าโทรศัพท์แต่ละรุ่นก็มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน คือการ Combine ระหว่าง Demand และ Purchasing Power
การพบเจอลูกค้าเพื่อหาความต้องกับลูกค้า เป็นหนึ่งในพื้นฐานในการทำธุรกิจ แต่ในโลกปัจจุบันมันไม่ได้มีความหมายตรงๆง่ายๆขนาดนั้น มันเป็นการยากที่จะเฉลี่ยความต้องการของคนทั่วไปเป็นกลุ่มใหญ่ๆ แต่จะมีปัจจัยย่อยๆแยกกันออกไป เช่น
- Identifying The Real Need : การเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าจริงๆอาจจะยากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไหร่ที่ลูกค้าไม่ได้เข้าใจความต้องการของตัวเองจริงๆ บางครั้งผู้คนก็เข้าใจว่าเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นในชีวิต ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ตาม
- Changing Needs : เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความต้องการของคนก็เปลี่ยนไป การติดตามเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงก็เป็น Challenge อย่างหนึ่งของ Marketing
- Competition : หลายๆธุรกิจมีสินค้าที่คล้ายกันหรือเหมือนกัน ที่มาเติมเต็มความต้องการของลูกค้า การที่เราจะโดดเด่นออกมาจากกลุ่มสินค้าที่คล้ายคลึงกัน เพื่อโน้มน้าวให้ลูกค้าสนใจ Brand เราอาจจะเป็นเรื่องยาก
- Price Sensitivity : หากลูกค้าไม่ได้ต้องการสินค้าเรามากขนาดนั้น ลูกค้ามีเวลาที่จะตัดสินใจสินค้าที่มีราคาถูกกว่าหรือฉะลอการซื้อจนกว่าจะมีดีลที่ดีกว่า
- Communication : การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์ของเราได้อยู่ในสายตาของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม การนำเสนอการขายที่แตกต่าง การใช้ถ้อยคำที่แปลกใหม่ อาจจะช่วยให้คนซื้อมีแรงจูงใจมากขึ้น
- Customer Perception : บางครั้งลูกค้าอาจจะรับรู้ถึงความต้องการของเขา เป็นความท้าทายในการทำธุรกิจในการเปลี่ยนแปลงมุมมองของลูกค้า
- Building Trust : ลูกค้าต้องเชื่อมันในผลิตภัณฑ์เพื่อให้เติมเต็มความต้องการ การสร้างความเชื่อมั่นต้องใช้เวลา ความสม่ำเสมอ และพิสูจน์ได้ว่าเห็นผลแน่ชัด
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทที่ให้บริการซอฟแวร์ค้นพบว่าลูกค้าใช้เวลามากเกินไปในการติดตามงานและ Projects ต่างๆ ถึงแม้ว่าลูกค้าจะไม่ได้มองเห็นถึงความต้องการในส่วนนี้ แต่บริษัทซอฟแวร์ได้แนะนำ Task Management Feature ให้มีในผลิตภัณฑ์ของเขา จากนั้นเขาส่วนให้ลูกค้าได้เรียนรู้ Feature ตัวนี้ เขาโชว้ให้ลูกค้าเห็นว่า Feature นี้มันช่วยในการจัดการ Projects และประหยัดเวลาแค่ไหน ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ แบรนด์ได้รู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และทำให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
Reference :
https://www.pipedrive.com/en/blog/marketing-department
https://www.agilesherpas.com/blog/fundamentals-of-marketing
https://brandauditors.com/blog/needs-wants-and-demands/
https://www.webmd.com/mental-health/what-is-maslow-hierarchy-of-needs

ใส่ความเห็น